เมื่อคอมพิวเตอร์มีปัญหา

อาการเสียของคอมพิวเตอร์ นั้นมีหลายสาเหตุ สามารถวิเคราะห์อาการเสียเบื้องต้นได้ ดังนี้อาการบูตเครื่องขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างไม่ทำงาน
และเงียบสนิท ให้ตรวจสอบที่พัดลมด้านท้ายเครื่องว่าหมุนหรือไม่ หากไม่หมุนอาจเป็นไปได้ว่าปลั๊กไฟเสีย หรืออาจขาดใน
และให้เข้าไปเช็คที่ฟิวส์ของเพาเวอร์ซัพพลาย หากฟิวส์ขาดให้ซื้อฟิวส์รุ่นเดียวกันมาเปลี่ยน แต่ถ้าเพาเวอร์ซัพพลายเสีย
ควรแนะนำลูกค้าให้เปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลายใหม่
อาการบูตเครื่องแล้วจอมืด แต่ไฟ LED หน้าจอและไฟเคสติด ให้ตรวจสอบที่ปุ่มการปรับสีและแสงที่หน้าจอก่อน
จากนั้นจึงเช็คในส่วนของขั้วสายไฟ และขั้วสายสัญญาณระหว่างเคสและจอภาพ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเสียบการ์ดจอไม่แน่น
หากตรวจเช็คอาการเหล่านี้แล้ว ทุกอย่างเป็นปกติดี สาเหตุน่าจะเกิดจากการ์ดแสดงผล และจอภาพ ให้นำอุปกรณ์ทั้ง 2 ตัว
ไปลองกับอีกเครื่องหนึ่งที่ทำงานเป็นปกติ หากการ์ดแสดงผลเสีย ต้องส่งเคลมหรือให้ลูกค้าเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าเป็นจอภาพ ให้ตรวจเช็ค
อาการอีกครั้ง ถ้าซ่อมได้ก็ควรซ่อม
อาการบูตเครื่องแล้วมีไฟที่หน้าเคสและไฟฟล็อบปี้ไดรฟ์ แต่จอมืดและทุกอย่างเงียบสนิท ให้ตรวจสอบที่การเชื่อมต่อ
ระหว่างขั้วต่อสายไฟของเพาเวอร์ซัพพลายกับเมนบอร์ดถูกต้องหรือไม่ หลุดหลวมหรือเปล่าตรวจสอบ
สายแพที่เชื่อมต่อกับขั้วต่อ IDE ของฮาร์ดดิสก์ ฟล็อบปี้ดิสก์ และซีดีรอมถูกต้องหรือไม่ หลุดหลวมหรือไม่
ตรวจสอบการติดตั้งซีพียูว่าใส่ด้านถูกหรือไม่ ซีพียูเสียหรือไม่ ตรวจสอบจัมเปอร์หรือดิปสวิทช์ และการเข้าไป
เปลี่ยนแปลงค่าในไบออสว่ามีการกำหนดค่าที่ถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะค่าแรงดัน ไฟ Vcore
อาการที่จอภาพแสดงข้อความผิดพลาดว่า HDD FAILURE ตรวจสอบการตั้งค่าใน
ไบออสว่าถูกต้องหรือไม่ ตรวจสอบขั้วต่อ IDE ว่ามีการเสียบผิดด้านหรือไม่ หลุดหลวมหรือเปล่า
ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ว่าเสียหรือไม่ โดยเข้าไปในเมนูไบออส และใช้หัวข้อ IDE HDD Auto Detection
ตรวจหาฮาร์ดดิสก์ ถ้าไม่เจอแสดงว่าฮาร์ดดิสก์มีปัญหาแต่หากเจอแสดงว่าฮาร์ดดิสก์ปกติดี
อาการเมื่อบูตเครื่องขึ้นมาแล้วมีสัญญาณเตือนดัง บี๊บ....บี๊บ ควรตรวจสอบแรมว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่
ติดตั้งดีแล้วหรือยัง วิธีแก้ไขให้ถอดแล้วเสียบใหม่ ตรวจสอบการติดตั้งการ์ดต่างๆ บนเมนบอร์ดว่าติดตั้ง
ดีแล้วหรือยัง วิธีแก้ไขให้ถอดแล้วเสียบใหม่ ตรวจสอบซีพียูและการเซ็ตจัมเปอร์ว่าถูกต้องหรือไม่วิธีแก้ไข
เซ็ตจัมเปอร์ใหม่โดยตรวจเช็คจากคู่มือเมนบอร์ด
เครื่องแฮงค์เพราะไดรเวอร์ ไดรเวอร์ คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์
และระบบปฏิบัติการหรืออธิบายง่ายๆ คือ คอยทำหน้าที่แนะนำให้ระบบปฏิบัติการรู้จักและทำงาน ร่วมกับ
ฮาร์ดแวร์ได้นั่นเอง ดังนั้นหากอุปกรณ์ตัวไหนที่ไม่ได้ลงไดรเวอร์ ก็อาจทำให้ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก
จึงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ดูแล้วไดรเวอร์ ไม่น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหา แต่เนื่องจากบางครั้ง
ไดรเวอร์ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ ไม่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตัวเก่าได้ เมื่อมีผู้ใช้ยกเครื่องมาให้ตรวจเช็ค
เนื่องจากปัญหาเครื่องแฮงค์บ่อยพอ สอบถามถึงปัญหา พบว่า ผู้ใช้เคยอัพเดท ไดรเวอร์รุ่นใหม่ที่ดาวน์โหลด
มาจากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเมื่อตรวจเช็คก็พบว่าไดรเวอร์ที่ผู้ใช้อัพเดทนั้น เป็นไดรเวอร์รุ่นทดสอบ
ที่หลายเว็บไซต์มักชอบนำมาให้ดาวน์โหลด เมื่อไดรเวอร์ยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำงานเข้ากับ
ฮาร์ดแวร์บางตัวได้ ทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ ซึ่งปัญหานี้พบได้บ่อยมาก สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา
ของช่างคอมพิวเตอร์คือ สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ก่อน หากพบเครื่องที่มีอาการแฮงค์
หลังจากที่ผู้ใช้อัพเดทไดรเวอร์ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเกิดจากสาเหตุนี้ วิธีแก้ปัญหา คือ ให้ถอด
ไดรเวอร์ที่มีปัญหานั้นทิ้งไป แล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม โดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. ให้คลิกขวาที่ไอคอน My Computer > Properties
2. ที่หน้าต่าง System properties ให้คลิกแท็ป Device Driver
3. จากนั้นคลิกขวาที่ไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่มีปัญหา แล้วเลือกคำสั่ง Remove ไดรเวอร์นั้น
ออกไปแล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม แต่บางครั้งไดรเวอร์ที่มากับอุปกรณ์
ตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อมา ก็อาจทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน โดยจะพบบ่อยมากในไดรเวอร์ของการ์ดแสดงผล
3 มิติ และซาวด์การ์ดยี่ห้อโนเนม ทางแก้ปัญหาคือ ต้องไปดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่นใหม่จาก
เว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ยี่ห้อที่ใช้อยู่ ไม่ควรไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อื่น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมา
เครื่องแฮงค์เพราะโปรแกรมแอพพลิเคชั่น หลายครั้งที่อาการแฮงค์มักเกิดหลังจากโปรแกรมที่ติดตั้ง อยู่ในเครื่อง
เข้ากันไม่ได้ บางไฟล์ของโปรแกรมตัวหนึ่งอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงไฟลืบางตัวของระบบปฏิบัติการจึงทำให้เกิดปัญหา
ขึ้นตามมาได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากไฟล์นามสกุล DLL ซึ่งเป็นไฟล์สาธารณะของระบบปฏิบัติการ
ที่มักจะมีหลายโปรแกรมที่ติดตั้งเข้ามาขอใช้ไฟล์นามสกุล DLL ด้วย แต่บางโปรแกรมก็มีไฟล์ DLL
เวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟล์ DLL ตัวเดิมของระบบปฏิบัติการ เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมนี้ลงไป
เขียนว่าไฟล์ DLL ตัวใหม่ทับตัวเก่าทันที จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ตามมา เพราะไฟล์ DLL
เวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้ สำหรับแนวทางแก้ไขของช่างคอมพิวเตอร์ คือ
ให้สอบถามพฤติกรรมของการใช้งานของผู้ใช้ก่อน เมื่อพบเครื่องที่มีลักษณะเครื่องแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้
ลงโปรแกรมตัวใหม่ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจมาจากสาเหตุนี้ วิธีการแก้ไข คือ หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้น
บนวินโดวส์ 98 / Me ให้บูตเครื่องด้วยแผ่นบูต แล้วพิมพ์คำสั่ง Scanreg / restore เพื่อเป็นการย้อนกลับไปใช้
รีจีสทรีที่วินโดวส์ได้แบ็คอัพเก็บไว้ 5 วันหลังสุด ให้เลือกวันที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหาเพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้
ได้สำหรับวินโดวส์ Me และวินโดวส์ XP ก็สามารถใช้โปรแกรม System Restore เพื่อย้อนกลับไป
ยังวันที่ไม่เกิดปัญหาได้ โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้ ดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start > Program > Accessories > System Tools > System Restore
2. เมื่อปรากฏโปรแกรม System Restore ขึ้นมาให้คลิกที่ช่อง Restore my computer
to earlier time แล้ว คลิกปุ่ม Next
3. เลือกวันที่และจุด Checkpoint ที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา โดยวันที่ที่สามารถย้อนกลับไปได้
จะเป็นช่องหนาๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้ว ให้คลิกปุ่ม Next
4. จะมีหน้าต่างแสดงรายละเอียดของวันที่และจุด Checkpoint ที่ต้องการย้อนระบบกลับไป ให้คลิกปุ่ม Next
แล้วโปรแกรมก็จะเริ่มทำการย้อนระบบกลับไปยังวันที่และจุด Checkpoint ที่เรากำหนด